วันศุกร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2553

การวินิจฉัยอาการปลาป่วยเบื้องต้น

1 ปลามีอาการว่ายแฉลบหรือไม่, โดดขึ้นสบัดตัวเหนือน้ำหรือไม่, สะบัดเหงือกส่ายไปมาอย่างแรงหรือไม่(โดยเฉพาะในปลาใหญ่) ถ้ามีอาการอย่างหนึ่งอย่างใด สันนิษฐานขั้นต้นว่า ปลาโดนปรสิตหรือโปรโตซัวทำร้ายเสียแล้ว ซึ่งก็มีหลายชนิด ปลาจะแสดงอาการผิดปรกติแตกต่างกัน
2 อาการถัดมา ตายุบ ตาปูด เกล็ดพอง ช้ำเลือด หุบครีบว่าย หรือหุบครีบนอนนิ่ง ครีบเปลื่อย หางเปลื่อย ฯลฯ แต่ละอาการแสดงถึงการติดเชื้อที่แตกต่างกัน อาจเป็นแบคทีเรีย หรือ ไวรัส
3 หากมีอาการทั้งข้อ 1 และ 2 อาการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายๆอย่าง การรักษาทำได้โดยการเตรียมน้ำใหม่ที่สะอาดบริสุทธิ์ ผมไม่แนะนำให้ใส่ฟอร์มาลีน+มาราไคท์ ในทันที ถ้าไม่จำเป็น น้ำสะอาดกับเกลือ 1 ก.ก. ต่อตันเป็นการเริ่มต้นการรักษาที่ดีพอ อ๊อคซิเจนต้องมากพอ ถ้ามีระบบกรองสำหรับอ่างรักษาได้ยิ่งดี ควรเป็นกรองกายภาพเท่านั้น ไม่ต้องมีกรองชีวภาพ เพราะอาจมีเชื้อโรคติดอยู่ในระบบกรองชีวภาพเก่า เอาง่ายๆแค่ถังกรองกับใยกรองขาว กรองละเอียดล้างน้ำสะอาดหรือแช่ด่างทับทิมแล้วเป็นพอครับ
4 การให้ยาควรแบ่งเป็น 2 ประเภท ประเภทแรกยากลุ่มที่ออกฤทธิ์ถ่ายพยาธิ์ หรือฆ่าปรสิต โปรโตซัว, ประเภทที่ 2 ยาปฏิชีวนะ สำหรับปลาเล็กไม่เกินไซด์ 4 ผมแนะนำให้ใช้ซันฟาก่อนเป็นอันดับแรก ปลาใหญ่ขึ้นแนะนำให้ใช้ เอ็นโรฟอกซาซิน หรือ นอร์ฟอกซาซิน การให้ยาปฏิชีวนะจะต้องให้ติดต่อกันไม่ต่ำกว่า 5 วัน ไม่เกิน 10 วัน เพื่อป้องกันเชื้อโรคดื้อยา เรื่องยาปฏิชีวนะนี้อาจเป็นที่ถกเถียงหาข้อสรุปกันมากว่าตัวนี้รักษาโรคนี้ ตัวนั้นรักษาโรคนั้น อันที่จริงไม่มีใครทราบหลอกครับว่า ปลาในบ่อของคุณ ที่ติดเชื้อนั้นเชื้อตัวดังกล่าว แพ้ยาอะไร หรือ ดื้อยาอะไร วิธีการเดียวที่จะรู้ได้ชัดเจน ต้องส่งปลาป่วยหรือขูดเมือกปลาไปตรวจพิสูจน์ ด้วยการทดลองให้ยาปฏิชีวนะทุกประเภทที่ต้องการตรวจสอบในจานเพาะเชื้อที่ได้ จากเมือกปลา หรือเลือดปลาเท่านั้น ขั้นตอนนี้ใช้เวลาหลายวันครับ พอดีปลาตายยกบ่อซะก่อน
5 ดังนั้นการให้ยาปฏิชีวนะจึงควรให้ยาในกลุ่มที่กล่าวถึงในข้อ 4 ซึ่งเป็นยาที่ไม่เก่านัก และราคาไม่แพงเกินไป จะใส่ในอ่างรักษาหรือบ่อยาง หรือจะคลุกอาหารให้ปลากินก็ได้ ผมแนะนำว่า ถ้าปลายังกินได้ คลุกอาหารให้กินดีที่สุด เคลือบไคโตซานหรือสารเหนียวคลุมให้ยาติดเม็ดอาหารได้ยิ่งดี ได้ผลดีกว่าการละลายยาในน้ำ ซึ่งเปลืองยา และยาบางชนิด ทำให้น้ำเสียอีกด้วย
6 การแช่ด่างทับทิม หรือเกลือเข้มข้น หรือฟอร์มาลีน+มาลาไคท์ ก็สามารถทำได้โดยมีฤทธิ์ในการทำลายแบคทีเลียและปรสิต โปรโตซัว บางชนิด แต่ขอให้ใช้เป็นวิธีท้ายๆ เนื่องจากมีผลข้างเคียงต่อตัวปลามาก ด่างทับทิมอาจทำให้เหงือกปลาเสียหาย เกลือเข้มข้นอาจทำให้ผิวปลาเสียสีปลาซีดเบลอ ฟอร์มาลีน+มาลาไคท์ สร้างผลเสียกับระบบภายในตัวปลาทำให้การเจริญเติบโตชะงักงัน ตาปูดโปนเหตุจากการแพ้สารเคมีซึ่งเข้าสู่ลำไส้และอวัยวะภายใน
7 สรุป เมื่อปลาป่วย โดยเฉพาะหน้าฝนนี้ป่วยกันมาก ควรกักโรคปลาใหม่ทุกครั้งและให้ยาฆ่าเห็บ ปรสิตโปรโตซัว หรือยาถ่ายพยาธิ์ ตามโดสของยาแต่ละชนิด พร้อมทั้งคลุกอาหารเคลือบยาปฏิชีวนะให้ปลาใหม่และปลาเก่ากินพร้อมๆกัน ตัวอย่าง ถ้าผมนำปลาใหม่เข้าที่บ้าน 100 ตัว ผมจะแยกอ่างกัก แยกกระชอนและอุปกรณ์เครื่องใช้ ไม่ปนกับปลาในบ่อเลี้ยงเด็ดขาด ถ้าจะใช้ร่วมอุปกรณ์แต่ละอย่างนั้นต้องตากแดดแห้งสนิท ผมจะคลุกยาถ่ายพยาธิ ผสมกับยาปฏิชีวนะ เคลือบเม็ดอาหารด้วยไคโตซาน ให้ปลากินติดต่อกัน 3 วัน กี่มื้อก็ได้ เพราะปลาแต่ละตัวจะมีอัตราการกินที่แตกต่างกันตามน้ำหนักตัวปลาอยู่แล้ว ปลาใหญ่กินมากก็รับยามากกว่าปลาเล็ก ให้ได้ทั้งวันครับ ในอัตราอาหารที่ให้ปรกติต่อวัน เมื่อครบ 3 วัน เข้าวันที่ 4 คลุกเฉพาะยาปฏิชีวนะตัวเดิมเพิ่ม เคลือบไคโตซานแล้วให้ปลาต่อทั้งในบ่อเลี้ยงปลาเก่าและอ่างกักปลาใหม่ ให้จนครบ 5-7 วัน ถ้ายังมีปลาใหม่อาการล่อแล่ แยกฝูง หุบครีบเหงาหงอย เติมเกลือนิดหน่อยในอ่างกัก แล้วให้ยาปฏิชีวนะต่ออีก 3 วันเป็น 10 วัน ปลาส่วนใหญ่เมื่อผ่านโดสเท่านี้ก็เพียงพอแข็งแรงพร้อมลงบ่อเลี้ยงได้แล้ว ครับ
สูตรใครก็สูตรใครนะครับ แต่ละท่านอาจมีวิธีการไม่เหมือนกัน ที่เล่าให้ฟังนี่วิธีของผมครับ เพราะเอาปลาใหม่เข้าบ่อมาหลายรอบแล้ว ถ้ามีพลิกแฉลบบ้างก็เอาอยู่ก่อนเสียหายได้ทุกทีครับ แต่กว่าจะดูอาการปลาได้เท่าทุกวันนี้ก็ผ่านการฝังปลาโคนมะม่วงมาไม่น้อยแล้ว หละครับ หน้าฝนนี้ ล้างกรองบ่อยหน่อย เช็คน้ำสังเกตุน้ำ สังเกตุอาการปลาบ่อยๆครับ ขอให้โชคดีครับ

ปลาสวาย

 

ชื่อวิทยาศาสตร์  Pangasianodon  htpophthalmas
ชื่อสามัญ  Striped  catfish
ชื่อไทย  ปลาสวาย  อ้ายด้อง  ปลาซวย
ประวัติถิ่นที่อยู่อาศัย  แพร่หลายอยู่ตามแม่น้ำเจ้าพระยา  แม่น้ำท่าจีน  แม่น้ำป่าสัก  แม่น้ำโขง
รูปร่างลักษณะ  ลำตัวยาวเรียว  แบนด้านข้างเล็กน้อย ไม่มีเกล็ด  มีสีเทาดำ  ดวงตามีขนาดเล็ก  มีหนวดที่ริมฝีปากบน 2 คู่และริมฝีปากล่าง 1 คู่ ด้านหลังตอนปลายใกล้กับบริเวณหางจะมีครีบเล็กเป็นตุ่มขึ้นมา  เรียกว่า  ตุ่มไขมัน

ปลาสลิด

 

ชื่อวิทยาศาสตร์  Trichogaster  pectoralis
ชื่อสามัญ  Sepat  Siam ,  Sanke  skin  goursmi
ชื่อไทย  ปลาสลิด  ปลาใบไม้
รูปร่างลักษณะ  มีลำตัวแบนข้าง  รูปร่างคล้ายคลึงกับปลากระดี่หม้อมาก มีลวดลายตามลำตัวค่อนข้างเข้ม คล้ายคลึงกับใบไม้  มีริ้วหรือแถบสีดำพาดขวางไปตามลำตัวตลอด
ประวัติถิ่นที่อยู่อาศัย  เป็นปลาพื้นบ้านดั้งเดิมของประเทศไทย
อุปนิสัย   ชอบอาศัยอยู่ในน้ำนิ่งที่มีกอหญ้า  ตามท้องนา  หนอง  บึง  ตัวเมียจะเริ่มวางไข่ประมาณเดือนเมษายน อาหารของปลาสลิดคือพืชหรือสัตว์น้ำเล็กๆในน้ำ

ปลาตองลาย

 

ชื่อวิทยาศาสตร์   Chitala blanci
ชื่อสามัญ   Blanc's striped featherback
ชื่อไทย   ปลาตองลาย
รูปร่างลักษณะ   คล้ายคลึงกับปลากรายและปลาฉลาดแต่จะมีลายบริเวณส่วนท้ายของครอบครัว  ลำตัวด้านหน้าจะมีจุดดำประอยู่ทั่ว

ปลาฉลาด

 

ชื่อวิทยาศาสตร์   Notopterus notopterus
ชื่อสามัญ   Grey featherback
ชื่อไทย  ปลาฉลาด
รูปร่างลักษณะ   หลังโค้ง ปากกว้าง ตามลำตัวไม่มีจุดแต่อย่างใด  ลำตัวเป็นสีขาวปนเทา

ปลากราย

 

ชื่อวิทยาศาสตร์   Chitala ornata
ชื่อสามัญ   Spotted featherback
ชื่อไทย   ปลากรายหรือปลาหางแพน
รูปร่างลักษณะ   ลำตัวแบนทางด้านข้างเหมือนมีด  มีจุดดำที่มีวงแหวนล้อมรอบมองเห็นเด่นชัด  เรียงกันไปทางปลายหาง   
อุปนิสัย  กินสัตว์จำพวกแมลง ลูกกุ้ง ลูกปลา

ปลาบู่

 

ชื่อวิทยาศาสตร์   Oxyeleotris marmoratus
ชื่อสามัญ   Sand goby
ชื่อไทย ปลาบู่
รูปร่างลักษณะ   มีลำตัวกลม ส่วนหัวใหญ่แล้วค่อยเรียวเล็กไปทางส่วนหาง  มีเกล็ดเล็กละเอียด ปากกว้าง  มีฟันซี่เล็กแหลมคม  ตามลำตัวลวดลายสีน้ำตาลหรืดน้ำตาลปนเทา