1. ควรใช้ยา และสารเคมี ตามคำแนะนำของนักวิชาการประมง หรือสัตวแพทย์ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านโรคปลา.
2. การใช้ยาต้านจุลชีพ ควรใช้ยาที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดยใช้ตามรายละเอียดที่ระบุไว้ในฉลากของยา เพื่อให้ผลการรักษาโรคมีประสิทธิภาพสูงสุด และปลอดภัย
3. ไม่ควรใช้ยาที่เสื่อมคุณภาพ หรือยาที่มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะทางด้านภายภาพ เช่น สี กลิ่น ตกตะกอน ความขุ่น เพราะทำให้การรักษาโรคปลาไม่ได้ผล
4. กรณีที่ใส่สารเคมีลงไปในน้ำเพื่อการรักษาโรค ควรคำนวณปริมาตรน้ำให้ถูกต้อง เพราะจะส่งผลถึง ประสิทธิภาพ ในการรักษาหรือความเป็นพิษต่อปลา
5. ควรหลีกเลี่ยงการรักษาโรคปลาด้วยยาหรือสารเคมีตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไปพร้อม ๆ กัน ยกเว้นแต่ จะอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของนักวิชาการประมง หรือสัตวแพทย์ที่มีความรู้ความชำนาญในการรักษาโรคปลา
6. ควรเพิ่มออกซิเจนในน้ำระหว่างการรักษาโรค โดยเฉพาะยา หรือสารเคมี ที่มีผลทำให้ปริมาณออกซิเจนในน้ำลดลง
7. ควรลดปริมาณอาหาร หรือ งดอาหารในระหว่างการรักษาโรค
8. ควรสังเกตอาการของปลาอย่างใกล้ชิดในระยะเวลา 30 นาที – 1 ชั่วโมงแรกหลังจากมีการใช้ยาหรือสารเคมี หากสัตว์น้ำมีอาการกระวนกระวาย ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำทันที 50-70 %
9. ควรเตรียมน้ำที่มีคุณภาพดี และมีปริมาณมากเพียงพอสำรองไว้ เมื่อมีการใช้ยาหรือสารเคมีทุกครั้ง เพื่อจะได้มีน้ำเปลี่ยนได้รวดเร็วและทันเวลา ในกรณีที่เกิดความเป็นพิษของสารเคมีหรือยาที่ใช้
10. ควรจัดอุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ในการรักษาโรคปลาที่ป่วยให้เป็นสัดส่วน ไม่ใช้ร่วมกับปลาปกติ และควรมีการทำความสะอาดทุกครั้ง ด้วยยาฆ่าเชื้อหลังจากใช้งานแล้ว
11. สารเคมีหลายชนิดอาจเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ ถ้าจำเป็นต้องใช้ ควรใช้อย่างระมัดระวัง และ ไม่ควรสัมผัสกับยาหรือสารเคมีโดยตรง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น