วันศุกร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2553

การวินิจฉัยอาการปลาป่วยเบื้องต้น

1 ปลามีอาการว่ายแฉลบหรือไม่, โดดขึ้นสบัดตัวเหนือน้ำหรือไม่, สะบัดเหงือกส่ายไปมาอย่างแรงหรือไม่(โดยเฉพาะในปลาใหญ่) ถ้ามีอาการอย่างหนึ่งอย่างใด สันนิษฐานขั้นต้นว่า ปลาโดนปรสิตหรือโปรโตซัวทำร้ายเสียแล้ว ซึ่งก็มีหลายชนิด ปลาจะแสดงอาการผิดปรกติแตกต่างกัน
2 อาการถัดมา ตายุบ ตาปูด เกล็ดพอง ช้ำเลือด หุบครีบว่าย หรือหุบครีบนอนนิ่ง ครีบเปลื่อย หางเปลื่อย ฯลฯ แต่ละอาการแสดงถึงการติดเชื้อที่แตกต่างกัน อาจเป็นแบคทีเรีย หรือ ไวรัส
3 หากมีอาการทั้งข้อ 1 และ 2 อาการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายๆอย่าง การรักษาทำได้โดยการเตรียมน้ำใหม่ที่สะอาดบริสุทธิ์ ผมไม่แนะนำให้ใส่ฟอร์มาลีน+มาราไคท์ ในทันที ถ้าไม่จำเป็น น้ำสะอาดกับเกลือ 1 ก.ก. ต่อตันเป็นการเริ่มต้นการรักษาที่ดีพอ อ๊อคซิเจนต้องมากพอ ถ้ามีระบบกรองสำหรับอ่างรักษาได้ยิ่งดี ควรเป็นกรองกายภาพเท่านั้น ไม่ต้องมีกรองชีวภาพ เพราะอาจมีเชื้อโรคติดอยู่ในระบบกรองชีวภาพเก่า เอาง่ายๆแค่ถังกรองกับใยกรองขาว กรองละเอียดล้างน้ำสะอาดหรือแช่ด่างทับทิมแล้วเป็นพอครับ
4 การให้ยาควรแบ่งเป็น 2 ประเภท ประเภทแรกยากลุ่มที่ออกฤทธิ์ถ่ายพยาธิ์ หรือฆ่าปรสิต โปรโตซัว, ประเภทที่ 2 ยาปฏิชีวนะ สำหรับปลาเล็กไม่เกินไซด์ 4 ผมแนะนำให้ใช้ซันฟาก่อนเป็นอันดับแรก ปลาใหญ่ขึ้นแนะนำให้ใช้ เอ็นโรฟอกซาซิน หรือ นอร์ฟอกซาซิน การให้ยาปฏิชีวนะจะต้องให้ติดต่อกันไม่ต่ำกว่า 5 วัน ไม่เกิน 10 วัน เพื่อป้องกันเชื้อโรคดื้อยา เรื่องยาปฏิชีวนะนี้อาจเป็นที่ถกเถียงหาข้อสรุปกันมากว่าตัวนี้รักษาโรคนี้ ตัวนั้นรักษาโรคนั้น อันที่จริงไม่มีใครทราบหลอกครับว่า ปลาในบ่อของคุณ ที่ติดเชื้อนั้นเชื้อตัวดังกล่าว แพ้ยาอะไร หรือ ดื้อยาอะไร วิธีการเดียวที่จะรู้ได้ชัดเจน ต้องส่งปลาป่วยหรือขูดเมือกปลาไปตรวจพิสูจน์ ด้วยการทดลองให้ยาปฏิชีวนะทุกประเภทที่ต้องการตรวจสอบในจานเพาะเชื้อที่ได้ จากเมือกปลา หรือเลือดปลาเท่านั้น ขั้นตอนนี้ใช้เวลาหลายวันครับ พอดีปลาตายยกบ่อซะก่อน
5 ดังนั้นการให้ยาปฏิชีวนะจึงควรให้ยาในกลุ่มที่กล่าวถึงในข้อ 4 ซึ่งเป็นยาที่ไม่เก่านัก และราคาไม่แพงเกินไป จะใส่ในอ่างรักษาหรือบ่อยาง หรือจะคลุกอาหารให้ปลากินก็ได้ ผมแนะนำว่า ถ้าปลายังกินได้ คลุกอาหารให้กินดีที่สุด เคลือบไคโตซานหรือสารเหนียวคลุมให้ยาติดเม็ดอาหารได้ยิ่งดี ได้ผลดีกว่าการละลายยาในน้ำ ซึ่งเปลืองยา และยาบางชนิด ทำให้น้ำเสียอีกด้วย
6 การแช่ด่างทับทิม หรือเกลือเข้มข้น หรือฟอร์มาลีน+มาลาไคท์ ก็สามารถทำได้โดยมีฤทธิ์ในการทำลายแบคทีเลียและปรสิต โปรโตซัว บางชนิด แต่ขอให้ใช้เป็นวิธีท้ายๆ เนื่องจากมีผลข้างเคียงต่อตัวปลามาก ด่างทับทิมอาจทำให้เหงือกปลาเสียหาย เกลือเข้มข้นอาจทำให้ผิวปลาเสียสีปลาซีดเบลอ ฟอร์มาลีน+มาลาไคท์ สร้างผลเสียกับระบบภายในตัวปลาทำให้การเจริญเติบโตชะงักงัน ตาปูดโปนเหตุจากการแพ้สารเคมีซึ่งเข้าสู่ลำไส้และอวัยวะภายใน
7 สรุป เมื่อปลาป่วย โดยเฉพาะหน้าฝนนี้ป่วยกันมาก ควรกักโรคปลาใหม่ทุกครั้งและให้ยาฆ่าเห็บ ปรสิตโปรโตซัว หรือยาถ่ายพยาธิ์ ตามโดสของยาแต่ละชนิด พร้อมทั้งคลุกอาหารเคลือบยาปฏิชีวนะให้ปลาใหม่และปลาเก่ากินพร้อมๆกัน ตัวอย่าง ถ้าผมนำปลาใหม่เข้าที่บ้าน 100 ตัว ผมจะแยกอ่างกัก แยกกระชอนและอุปกรณ์เครื่องใช้ ไม่ปนกับปลาในบ่อเลี้ยงเด็ดขาด ถ้าจะใช้ร่วมอุปกรณ์แต่ละอย่างนั้นต้องตากแดดแห้งสนิท ผมจะคลุกยาถ่ายพยาธิ ผสมกับยาปฏิชีวนะ เคลือบเม็ดอาหารด้วยไคโตซาน ให้ปลากินติดต่อกัน 3 วัน กี่มื้อก็ได้ เพราะปลาแต่ละตัวจะมีอัตราการกินที่แตกต่างกันตามน้ำหนักตัวปลาอยู่แล้ว ปลาใหญ่กินมากก็รับยามากกว่าปลาเล็ก ให้ได้ทั้งวันครับ ในอัตราอาหารที่ให้ปรกติต่อวัน เมื่อครบ 3 วัน เข้าวันที่ 4 คลุกเฉพาะยาปฏิชีวนะตัวเดิมเพิ่ม เคลือบไคโตซานแล้วให้ปลาต่อทั้งในบ่อเลี้ยงปลาเก่าและอ่างกักปลาใหม่ ให้จนครบ 5-7 วัน ถ้ายังมีปลาใหม่อาการล่อแล่ แยกฝูง หุบครีบเหงาหงอย เติมเกลือนิดหน่อยในอ่างกัก แล้วให้ยาปฏิชีวนะต่ออีก 3 วันเป็น 10 วัน ปลาส่วนใหญ่เมื่อผ่านโดสเท่านี้ก็เพียงพอแข็งแรงพร้อมลงบ่อเลี้ยงได้แล้ว ครับ
สูตรใครก็สูตรใครนะครับ แต่ละท่านอาจมีวิธีการไม่เหมือนกัน ที่เล่าให้ฟังนี่วิธีของผมครับ เพราะเอาปลาใหม่เข้าบ่อมาหลายรอบแล้ว ถ้ามีพลิกแฉลบบ้างก็เอาอยู่ก่อนเสียหายได้ทุกทีครับ แต่กว่าจะดูอาการปลาได้เท่าทุกวันนี้ก็ผ่านการฝังปลาโคนมะม่วงมาไม่น้อยแล้ว หละครับ หน้าฝนนี้ ล้างกรองบ่อยหน่อย เช็คน้ำสังเกตุน้ำ สังเกตุอาการปลาบ่อยๆครับ ขอให้โชคดีครับ

ปลาสวาย

 

ชื่อวิทยาศาสตร์  Pangasianodon  htpophthalmas
ชื่อสามัญ  Striped  catfish
ชื่อไทย  ปลาสวาย  อ้ายด้อง  ปลาซวย
ประวัติถิ่นที่อยู่อาศัย  แพร่หลายอยู่ตามแม่น้ำเจ้าพระยา  แม่น้ำท่าจีน  แม่น้ำป่าสัก  แม่น้ำโขง
รูปร่างลักษณะ  ลำตัวยาวเรียว  แบนด้านข้างเล็กน้อย ไม่มีเกล็ด  มีสีเทาดำ  ดวงตามีขนาดเล็ก  มีหนวดที่ริมฝีปากบน 2 คู่และริมฝีปากล่าง 1 คู่ ด้านหลังตอนปลายใกล้กับบริเวณหางจะมีครีบเล็กเป็นตุ่มขึ้นมา  เรียกว่า  ตุ่มไขมัน

ปลาสลิด

 

ชื่อวิทยาศาสตร์  Trichogaster  pectoralis
ชื่อสามัญ  Sepat  Siam ,  Sanke  skin  goursmi
ชื่อไทย  ปลาสลิด  ปลาใบไม้
รูปร่างลักษณะ  มีลำตัวแบนข้าง  รูปร่างคล้ายคลึงกับปลากระดี่หม้อมาก มีลวดลายตามลำตัวค่อนข้างเข้ม คล้ายคลึงกับใบไม้  มีริ้วหรือแถบสีดำพาดขวางไปตามลำตัวตลอด
ประวัติถิ่นที่อยู่อาศัย  เป็นปลาพื้นบ้านดั้งเดิมของประเทศไทย
อุปนิสัย   ชอบอาศัยอยู่ในน้ำนิ่งที่มีกอหญ้า  ตามท้องนา  หนอง  บึง  ตัวเมียจะเริ่มวางไข่ประมาณเดือนเมษายน อาหารของปลาสลิดคือพืชหรือสัตว์น้ำเล็กๆในน้ำ

ปลาตองลาย

 

ชื่อวิทยาศาสตร์   Chitala blanci
ชื่อสามัญ   Blanc's striped featherback
ชื่อไทย   ปลาตองลาย
รูปร่างลักษณะ   คล้ายคลึงกับปลากรายและปลาฉลาดแต่จะมีลายบริเวณส่วนท้ายของครอบครัว  ลำตัวด้านหน้าจะมีจุดดำประอยู่ทั่ว

ปลาฉลาด

 

ชื่อวิทยาศาสตร์   Notopterus notopterus
ชื่อสามัญ   Grey featherback
ชื่อไทย  ปลาฉลาด
รูปร่างลักษณะ   หลังโค้ง ปากกว้าง ตามลำตัวไม่มีจุดแต่อย่างใด  ลำตัวเป็นสีขาวปนเทา

ปลากราย

 

ชื่อวิทยาศาสตร์   Chitala ornata
ชื่อสามัญ   Spotted featherback
ชื่อไทย   ปลากรายหรือปลาหางแพน
รูปร่างลักษณะ   ลำตัวแบนทางด้านข้างเหมือนมีด  มีจุดดำที่มีวงแหวนล้อมรอบมองเห็นเด่นชัด  เรียงกันไปทางปลายหาง   
อุปนิสัย  กินสัตว์จำพวกแมลง ลูกกุ้ง ลูกปลา

ปลาบู่

 

ชื่อวิทยาศาสตร์   Oxyeleotris marmoratus
ชื่อสามัญ   Sand goby
ชื่อไทย ปลาบู่
รูปร่างลักษณะ   มีลำตัวกลม ส่วนหัวใหญ่แล้วค่อยเรียวเล็กไปทางส่วนหาง  มีเกล็ดเล็กละเอียด ปากกว้าง  มีฟันซี่เล็กแหลมคม  ตามลำตัวลวดลายสีน้ำตาลหรืดน้ำตาลปนเทา

ปลาเทพา

 


ชื่อวิทยาศาสตร์   Pangasisus sanitwongsei
ชื่อสามัญ   Chaophraya giant catfish
ชื่อไทย  ปลาเทพา
รูปร่างลักษณะ   เป็นปลาขนาดใหญ่ที่ไม่มีเกล็ด

ปลาฉลามหางแดง

 

ชื่อวิทยาศาสตร์    Epalzeorhynchos bicolor
ชื่อสามัญ   Red-tailed black shark
ชื่อไทย   ปลาทรงเครื่อง ปลาฉลามหางแดงหรือปลากาสี
รูปร่างลักษณะ   ลำตัวค่อนข้างยาว  เมื่อโตเต็มที่จะมีความยาวประมาณ 15-20 ซ.ม.  สีที่ลำตัวดำสนิท  ครีบหลีง ครีบท้อง ครีบก้น มีสีดำเช่นเดียวกับลำตัว  ส่วนครีบนอกมีสีส้มปนดำ  ครีบหางแยกออกเป็นสองแฉกมีสีแดง  มีหนวดสั้นๆ 4 เส้น ปากมีขนาดเล้ก  ริมฝีปากบนยื่นยาวออกมามากกว่าริมฝีปากล่าง

ปลาตะเพียน

 

ชื่อวิทยาศาสตร์   Barbodes gonionotus,Puntius gonionotus   
ชื่อสามัญ   Common silver barb
ชื่อไทย   ปลาตะเพียน
รูปร่างลักษณะ   มีเกล็ด รูปร่างแบนข้าง ลำตัวค่อนข้างยาว มีเกล็ดบางแวววาวลำตัวด้านหลังคล้ำกว่าด้านท้อง  ครีบต่างๆรวมทั้งปลายหางอาจเป็นสีแดงเรื่อๆหรือเป็นสีส้ม

ปลาตะพัด

 

ชื่อวิทยาศาสตร์     Scleropages  formosus
ชื่อสามัญ   Malayan bonytongue
ชื่อไทย  ปลาตะพัดโบราณ
รูปร่างลักษณะ   อ่อนช้อย  แบนด้านข้าง ลำตัวยาว แนวสันหลังเป็นเส้นตรง  ปากกว้างและเฉียงขึ้นข้างบน
ประวัติถิ่นที่อยู่อาศัย   แถวอเมริกาใต้  แถบลุ่มน้ำอะเมซอนด้วย  ปลาตะพัดเอเชียสามารถพบในไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย
อุปนิสัย  ชอบกินลูกกุ้งลูกปลาหรือลูกแมลงต่างๆ

ปลาชะโด

 

ชื่อวิทยาศาสตร์   Channa micropeltes
ชื่อสามัญ   Gian snacke-head fish
ชื่อไทย  ปลาชะโด
รูปร่างลักษณะ   มีเกล็ด  ลำตัวเป็นทรงกระบอก  กินอาหารเช่นเดียวกับปลาช่อน  แต่กินจุกว่ามาก  สีเข้มกว่าปลาช่อน  ปากกว้างฟันแหลมคม
ประวัติถิ่นที่อยู่อาศัย   แพร่หลายไปทุกภาค
อุปนิสัย   กินเหยื่อเก่ง  ดุร้ายขณะเลี้ยงลูกอ่อน  

ปลาช่อน

 

ชื่อวิทยาศาสตร์  Channa stiata  
ชื่อสามัญ   Striped  snake-head fish
ชื่อไทย  ปลาช่อน  ภาคอีสานเรียกปลาค้อ
ประวัติถิ่นที่อยู่อาศัย   แพร่หลายไปทุกภาค
รูปร่างลักษณะ   ลำตัวด้านบนของปลาช่อนจะมีสีเทาปนน้ำตาลหรือสีดำด้านท้องจะเป็นสีค่อนข้างขาว  ขนาดโตเต็มที่มีความยาวถึง 1 เมตร
อุปนิสัย  หน้าแล้งผ่านไป  เมื่อย่างเข้าสู่หน้าฝน  ปลาช่อนตามแหล่งน้ำวัยเจริญพันธุ์จะช่วยกันกัดหญ้าชายน้ำทำแอ่งวางไข่  และเมื่อปลาช่อนตัวเมียออกไข่ปลาตัวผู้จะฉีดน้ำเชื้อเข้าผสม  จากนั้นปลาตัวผู้จะคอยดูแลลูก ปลาตัวผู้จะคอยซุ่มอยู่เพื่อดูแลลูก  เมื่อมีอันตรายจะคอยปกป้องลูก

ปลาหมอตาลเขียว



ชื่อวิทยาศาสตร์   Pristolepis  fasciatus
ชื่อสามัญ   Striped tiger nandid
ชื่อไทย  ปลาหมอตาลเขียว
รูปร่างลักษณะ  รูปร่างแบนมาก  ลำตัวค่อนข้างกว้าง  ครีบต่างๆคล้ายคลึงกับปลาหมอไทย  ปากของปลาหมอตาลมีขนาดเล็ก  ที่พิเศษคือยืดหดได้ดี  สีของลำตัวทั่วไปจะเป็นสีเขียวอมเทา  ปลาสีเขียวอมเทาเรียกว่าปลาหมอตาลเขียว  ขนาดไม่ใหญ่นัก     
อุปนิสัย  ชอบอาศัยอยู่ในน้ำนิ่งหรือน้ำไหลเอื่อยอ่อนไม่ชอบน้ำที่แรงจัด   
การจูบปากของปลาหมอตาล   บางครั้งปลาหมอตาลจะจับคู่จุบปากกัน  ใช้ริมฝีปากชอนไชไปตามลำตัว  เป็นการช่วยทำความสะอาด

ปลาหมอตาล

 

ชื่อวิทยาศาสตร์   Helostroma  temmincki
ชื่อสามัญ   Temminck's kissing
ชื่อไทย   ปลาหมอตาลหรือปลาจูบ
อุปนิสัย  สามารถผุดขึ้นมาอุบอากาศเหนือผิวน้ำโดยตรงนอกเหนือจากการหายใจด้วยเหงือกตามปกติ

ปลาแขยงหิน

 

ชื่อวิทยาศาสตร์   Leiocassis  siamensis
ชื่อสามัญ   Siamese  rock catfish
ชื่อไทย   แขยงหินบางทีเรียกปลากดหิน ปลาแค้หมู   
รูปร่างลักษณะ   ลำตัวเป็นสีเหลือง  มีแถบสีดำขนาดใหญ่พาดขวางลำตัว 4 แถบ  เป็นปลาที่ค่อนข้างเล็ก  มีความยาวประมาณ 6-17 ซ.ม.  ได้รับการนิยมเพราะว่ามีสีสันสวยงามน่ามอง

ปลาแขยงใบข้าว

 

ชื่อวิทยาศาสตร์  Mystus singaringan
ชื่อสามัญ  Long-fatty  finned mystus
ชื่อไทย  ปลาแขยงใบข้าว
รูปร่างลักษณะ   คลายคลึงกับปลาแขยง  ซึ่งน่าจะอวบอ้วนกว่าปลาแขยงข้าวและแขยงธง

ปลาแขยงธง

 

ชื่อวิทยาศาสตร์   Herterbagrus  bocourti   
ชื่อสามัญ  Bocourt's    river catfish
ชื่อไทย   ปลาแขยงธง
ประวัติถิ่นที่อยู่อาศัย   แหล่งน้ำภาคกลาง  ภาคเหนือ  และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
รูปร่างลักษณะ   คล้ายกับแขยงข้างลาย  สีสันคล้ายกัน  บางครั้งจะเป็นแถบทองแดงพาดไปตามความยาวของลำตัว  หลังช่องเหงือกมีจุดดำ 1 จุด มีหนวด 4 คู่  ลักษณะเด่นของปลาแขยงธงคือ ครีบหลังอันแรกจะยาวยื่นออกไปมากจนเห็นได้ชัด  

ปลาแขยงข้างลาย

 

ชื่อวิทยาศาสตร์   Mystus  mysticetus
ชื่อสามัญ   Iridescent  mysitus
ชื่อไทย  ปลาแขยงข้างลาย
 รูปร่างลักษณะ   มีหนวดยาวถึง 4 คู่  บางคู่ยาวถึงส่วนหางเลย  รูปร่างเพรียว  ลำตัวเพรียวแบนข้าง  สีน้ำตาลอ่อนหรือน้ำตาลอมเขียว  บริเวณส่วนท้องเป็นสีขาวเงิน  มีแถบสีน้ำตาลเข้มพาดไปตามความยาวของลำตัวจำนวน 2 แถบ  มีจุดดำปรากฏอยู่หลังช่องเหงือก

ปลาก้างพระร่วง

 

ชื่อวิทยาศาสตร์     Kryptopterus  bicirrhis
ชื่อสามัญ  Glass  sheatfish
ชื่อไทย  ปลาก้างพระร่วง  ปลากระจก  ปลาผี
ประวัติถิ่นที่อยู่อาศัย  ประเทศเขตร้อนในแถบเอเชีย  แหล่งที่พบมากคือไทยและอินโดนีเซีย  ภาคใต้ของไทยจะมีค่อนข้างมาก  อยู่ในลำธาร  
รูปร่างลักษณะ  มีลำตัวโปร่งใสจนมองเห็นก้างภายในร่างกายชัดเจน  มีหนวดสองคู่  ที่ริมฝีปากบนคู่หนึ่ง  และริมฝีปากล่างคู่หนึ่ง  หนวดชี้ไปข้างหน้าคล้ายกับไม้เท้านำทาง
อุปนิสัย  ชอบความสงบเงียบ  อยู่รวมกันเป็นฝูง      เวลากลางวันจะหลบอาศัยอยู่ตามกอไม้น้ำ  พอตกกลางคืนจึงช

ปลากระโห้

 

ชื่อวิทยาศาสตร์  Catlocarpio  siamensis
ชื่อสามัญ  Saimese  giant  carp
ชื่อไทย   ปลากระโห้
รูปร่างลักษณะ  มีหัวใหญ่มาก  ปากกว้าง  ส่วนหัวที่ใหญ่นั้นมี  ขนาด 1 ใน  3  ของความยาวลำตัวทีเดียว  มีริมฝีปากหนา  แก้มใหญ่  ครีบต่างๆจะมีสีแดงเรื่อหรือเป็นสีส้ม ลำตัวด้านหลังมีสีเข้มกว่าด้านท้อง  ไม่มีหนวด ไม่มีฟันอยู่ในปากแต่มีฟันอยู่ที่ลำคอ  ตัวผู้มีขนาดเล็กกว่าตัวเมีย  ตัวเมียมีสีขาวนวลหรือชมพูอ่อน  ตัวผู้มีสีเทา
ประวัติถิ่นที่อยู่อาศัย ตามแม่น้ำเจ้าพระยา  แม่น้ำแม่กลอง  แม่น้ำป่าสัก  นอกจากนี้ยังมีในภาคเหนือและภาคอีสาน
อุปนิสัย   เมื่อถึงฤดูน้ำหลาก  จะขึ้นไปกับน้ำแล้วหากินกับแหล่งน้ำตื้น   เมื่อถึงคราวจับคู่วางไข่  ตัวเมียจะว่ายน้ำนำหน้าตัวผู้แล้วจะหงายท้องขึ้น ตัวผู้จะเข้าประกบแล้วฉีดน้ำเชื้อมาผสมกับไข่   

ปลากระทิงไฟ

 

ชื่อวิทยาศาสตร์   Mastacembelus erthrotaenia  
ชื่อสามัญ   Fire  spiny eel
ชือไทย  ปลากระทิงไฟ
ประวัติถิ่นที่อยู่อาศัย    ตามแหล่งน้ำภาคกลางและภาคใต้ของประเทศไทย
รูปร่างลักษณะ   รูปร่างเปรียวและมีสีสันบาดตาบาดใจ   ลำตัวมีสีดำตัดกับแถบสีแดงจัด  แต่บริเวณส่วนท้ายของลำตัว  แถบแดงจะขาดตอน  ทำให้มองดูเป้นจุดสีแดงแทน  ครีบต่างๆเป็นสีดำ  แต่ขอบนอกของของครีบเหล่านี้จะมีสีแดงโดยรอบเพิ่มความงามไปอีก
อุปนิสัย  ชอบซุกตัวอยู่ในที่เงียบๆ  อาจจะแฝงตัวอยู่ในโพรงไม้  กระบอกไม้ไผ่  หรือ ฝังตัวอยู่ในดิน  ไม่ค่อยชอบว่ายน้ำไปมามากนัก 

ปลากระดี่นาง

 

ชื่อวิทยาศาสตร์   Trihogaster  microlepis
ชื่อสามัญ   Moonlight  gourami
ชื่อไทย   กระดี่นาง
ประวัติถิ่นที่อยู่อาศัย   ตามแหล่งน้ำตื้นแถวท้องทุ่งบางเขน  กรุงเทพมหานคร
รูปร่างลักษณะ   ลำตัวจะเป็นสีขาวเงิน  ลำตัวแบนข้าง  ไม่มีจุด  สีสันไม่คล้ำเหมือนกับกระดี่หม้อ  กระดี่นางจะมีขนาดโตกว่ากระดี่หม้อเล็กน้อย  แต่นิสัยเหมือนกระดี่หม้อ
อุปนิสัย   เมื่อถึงคราวหน้าฝน  ก็จะชวนกันจับคู่เพื่อผสมพันธุ์  โดยปลาตัวผู้จะทำหน้าที่พ่นฟองสีขาวออกมาเป็นกลุ่ม  ชาวบ้านเรียกหวอดปลา  ตัวเมียจะวางไข่ในหวอดเพื่อให้ตัวผู้ฉีดน้ำเชื้อเข้าผสม

ปลาปอมปาดัวร์

 

ชื่อไทย     ปลาปอมปาดัวร์    
ประวัติถิ่นที่อยู่อาศัย ลุ่มน้ำอะเมซอนทางทวีปอเมริกาใต้ในบราซิล เปรู และโคลัมเบีย  
รูปร่างลักษณะ    มีสีต่างๆมากมายคือ  ปลาปอมปาดัวร์ 5 สี  7 สี  รูปร่างกลมแบน  ครีบหลังและครีบท้องยาวเรียวโค้งรอบลำตัว  ลำตัวน้ำตาลอามแดง  มีลวดลายสีฟ้าเข้มแต้มทั่วบริเวณลำตัวแลความยาวไม่เกิน 7 นิ้ว
อุปนิสัย   ชอบกินลูกน้ำ  ไรแดง  ไรสีน้ำตาล  ไส้เดือน  หนอนแดง ไข่กุ้ง

ปลาหางนกยูง

 
ชื่อไทย       ปลาหางนกยูง
ประวัติถิ่นที่อยู่อาศัย   อเมริกาใต้  
รูปร่างลักษณะ  หางเด่นสะดุดตา ตัวเมียหางจะเล็กกว่าตัวผู้สีบริเวณลำตัวจะยาว ท้องมีขนาดใหญ่
การเลี้ยงดู สามารถเลี้ยงรวมกับปลาชนิดอื่นได้  ไม่ต้องอาศัยการดูแลมากนัก เพราะปลาชนิดนี้สามารถทนทานต่อสภาพแวดล้อมได้ดี

ปลาเทวดา

 

ชื่ออังกฤษ   Angel fish
ชื่อไทย   ปลาเทวดา
ประวัติที่อยู่อาศัย   ทวีปอเมริกาใต้ ลุมแม่น้ำอเมซอน
รูปร่างลักษณะ   เป็นปลาที่ข้อนข้างแบน  ครีบหลังเป็นกระโดงสูงอยู่ค่อนไปทางด้านหาง ครีบหลังบานเป็นแพใหญ่  รูปทรงปลาเทวดาเป็น รูปสามเหลี่ยมมุมฉาก
อุปนิสัย   ที่รักสงบ ชอบอยู่นิ่งๆแต่ ในบางครั้งปลาเทวดาก็มีนิสัยก้าวร้าว หวาดระแวง และขี้ตื่นตกใจ
การเลี้ยงดู  ปลาเทวดาเป็นปลาที่รักสงบ  สำหรับอาหารที่ให้ได้แก่ ไรน้ำ ลูกน้ำ เนื้อกุ้งสับ และอาหารเม็ดสำเร็จรูป 

ปลาหมู

ปลาหมู
ย่อโดย ตุลฮาบ  หวังสุข

   ในประเทศไทยพบปลาหมูในแหล่งน้ำธรรมชาติทั่วไป แต่ปลาหมูตามแม่น้ำลำคลองส่วนใหญ่ จะเป็นปลาที่มีขนาดเล็ก สิ่งที่เหมือนกันของปลาหมูทุกสายพันธุ์ คือ ชอบอาศัยอยู่ในเขตร้อนชื้น แต่เป็นบริเวณที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า หรือเย็นกว่าบริเวณอื่นในแหล่งน้ำเดียวกัน ดังนั้นบริเวณที่ปลาหมูอาศัยจึงมักจะเป็นบริเวณน้ำไหลข้าง ๆ แก่งหินที่มีน้ำไหลเวียนตลอดเวลา ปลาหมูเป็นปลาชอบอาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่
   ปลาหมูในวงศ์ Botiidae แบ่งเป็น 2 วงศ์ย่อยคือ Leptobotia และ Parabotia ลำตัวค่อนข้างเพรียว ส่วน Botiinae เป็นวงศ์ที่เราคุ้นเคยกันทั้งหลาย อย่างพวก หมูอินโดฯ  หมูหางแดง  หมูอารีย์ ฯลฯ ปลาหมูในวงศ์ย่อยนี้แบ่งออกเป็น 5 สกุล คือ
   สกุล Chromobotia
1.   ปลาหมูอินโดฯ Chromobotia macracanthus  สกุลนี้มีชนิดเดียว เมื่อโตเต็มวัย ลายมี
ลักษณะ เฉพาะสีเหลืองสลับดำที่เราคุ้นเคย พบในประเทศอินโดนีเซีย กระจายพันธุ์อยู่ในเกาะสุมาตราและเกาะบอร์เนียว ปลาหมูอินโดฯ เป็นปลาที่มีนิสัยดี  ค่อนข้างรักสงบ ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง ขายในตลาดจะมีขนาด 2-3 นิ้ว โตเร็วช่วงแรก ขนาดประมาณ 6 นิ้ว ก็จะชะลออัตราการเติบโตลง ปลาใหญ่จะค่อนข้างหายาก ปลาชนิดนี้เลี้ยงไม่ยาก ต้องการน้ำที่สะอาดและค่อนข้างไวต่อการเปลี่ยนแปลง จึงต้องหมั่นเปลี่ยนน้ำที่ละน้อย
สกุล Botiaปลาหมูโยโย่ ปลาหมูปากี, ปลาหมูพม่า ปลาหมูสาละวิน ปลาหมูลายเมฆ ปลาหมูฮองเต้
ปลาหมูในกลุ่มนี้ เลี้ยงง่ายและรักสงบอยู่รวมกันเป็นฝูง อยู่รวมกับปลาอื่นได้ดี แต่ต้องระวังถ้าเลี้ยงกับพวกปลาหมูที่ดุ ๆ พวกสกุล Yasuhikotakia ถ้าตู้ไม่กว้างพอหรือไม่มีที่หลบซ่อน จะถูกกัด มันจะเครียดและตายในที่สุด พวกนี้เป็นปลาที่มาจากแหล่งน้ำไหล ตู้ที่ใช้เลี้ยงจะต้องมีระบบกรองน้ำไหลเวียนดี และน้ำต้องมีคุณภาพดีอยู่เสมอ ปลาชนิดนี้ราคาไม่แพง
สกุล Syncrossus
ปลาหมูลาย Syncrossus beauforti
ปลาหมูจักรพรรดิ์ Syncrossus berdmorei



ปลาหมูลาย Syncrossus helodes   ปลาหมูสกุลนี้เดิมอยู่สกุล Botia ต่อมาถูกแยกออกเป็นสกุล Syncrossus ลำตัวจะยาว
และหน้าจะแหลม ตัวลาย ๆ เลอะๆ ดูคล้ายเสือโคร่งเรียกว่ากลุ่ม Tiger botia จะไม่ดุมาก มีการกระทบกระทั่งกันถ้าตู้เลี้ยงเล็กหรือมีที่หลบซ่อนไม่พอ ชนิดที่เห็นบ่อยที่สุด คือ S. helodes (ปลาหมูลาย) รองลงมา(ปลาหมูจักรพรรดิ์)  S. berdmorei จากลุ่มน้ำสาละวิน ซึ่งนับว่าเป็นปลาหมูที่มีสีสันสะดุดตาที่สุด
สกุล Yasuhikotakia
ปลาหมูหางจุด Yasuhikotakia caudipunctata
ปลาหมูสัก Yasuhikotakia lecontei
ปลาหมูขาว, ปลาหมูหางแดง, ปลาหมูหางเหลือง Yasuhikotakia modestaปลาหมูค้อ ปลาหมูคอก Yasuhikotakia morleti
ปลาหมูน่าน Yasuhikotakia nigrolineata
ปลาหมูอารีย์  Yasuhikotakia sidthimunki  เคยพบในประเทศไทย แต่สูญพันธุ์ไปจากลุ่มแม่
น้ำกลองแล้ว ส่วนปลาหมูขาว ปลาหมูค้อ และปลาหมูสัก ยังคงพบอยู่มากโดยเฉพาะลุ่มแม่น้ำเจ้าพะยาและแม่โขง
Sinibotia
   เป็นกลุ่มปลาหมูที่พบในประเทศจีน นอกจากในประเทศไทยแล้ว ประเทศที่อยู่ในเขต
ลุ่ม น้ำที่ได้รับอิทธิพลจากจีนตอนใต้ อย่างลาวและเวียดนาม ก็มีปลาหมูในสกุลนี้อาศัยอยู่เช่นกัน ปลาพวกนี้ตัวจะเรียว ๆ และยาวไม่ใหญ่มาก เลี้ยงง่ายไม่ก้าวร้าว ต้องระวังเรื่องอาหาร เป็นปลาจากเขตน้ำเย็น ในธรรมชาติปลากลุ่มนี้อาศัยอยู่ตามแก่งน้ำที่ไหลแรง ตู้ที่เลี้ยงจึงต้องมีการไหลเวียนน้ำที่ดี
สกุล Leptobotia
Leptobotia curta
Leptobotia elongata
Leptobotia flavolineata
Leptobotia guilinensis
Leptobotia hengyangensis
Leptobotia orientalis
Leptobotia pellegrini
Leptobotia pastercdorsalis
Leptobotia rubrilabris
Leptobotia taeniops
Leptobotia tchangi
Leptobotia tientainensis
Leptobotia zebra

เป็นปลาจากแถบตะวันออก ไม่มีการนำเข้ามาในประเทศไทย ปลากลุ่มนี้ชอบน้ำเย็น เลี้ยง
ใน ประเทศไทยอุณหภูมิปกติ จะมีปัญหาปลาผอมเร็ว การเผาผลาญพลังงานจะเพิ่มขึ้นประมาณ 10% เมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้นทุก 1 OC พวกนี้อยู่ในลำธารเขตประเทศจีนหรือญี่ปุ่นที่อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำถึง 10 องศาเซลเซียส

ParabotiaParabotia banarescui
Parabotia bimaculata
Parabotia dubia
Parabotia fasciata
Parabotia lijiangensis
Parabotia maculosa
Parabotia parva

พบในแถบประเทศจีน ปลาชนิดนี้หน้ายาว
วิธีการเลี้ยง
1.   ตู้ ที่ใช้เลี้ยงควรมีระบบกรองไหลเวียนน้ำดี ออกซิเจนละลายอยู่สูง มีการเปลี่ยนถ่ายน้ำอย่างสม่ำเสมอ เพราะปลาหมูไม่ค่อยทนต่อคุณภาพน้ำที่ไม่ดี แต่การเปลี่ยนน้ำไม่ควรเปลี่ยนคราวละมาก ๆ ใช้น้ำที่อุณหภูมิต่างจากน้ำในตู้มากเกินไป เพราะปลาหมูค่อนข้างอ่อนไหว
2.   ปลากลุ่มนี้อาศัยอยู่ตามแก่งหิน โพรงหิน เศษซากตอไม้ จึงต้องมีที่หลบซ่อนพอสมควร
การเตรียมที่หลบซ่อนให้ระวังอย่าใช้ที่มีรูเล็ก ๆ พอดีตัวปลา เวลาปลาตกใจอาจเบียดตัวเข้าไปติดตายได้
3.   ปลาหมูไม่ใช่ปลาที่ว่ายน้ำไปมามากนัก ขนาดตู้จึงไม่ต้องใหญ่มาก
4.   ปลาหมูเป็นปลาที่กระโดดได้สูง ถ้าเป็นไปได้ควรลดน้ำลง ต้องหาวิธีป้องกันไม่ให้ปลากระโดดออกนอกตู้ 
5.   ปลาหมูทุกชนิดมีเขี้ยวเล็ก ๆ ซ่อนไว้ข้างแก้มบริเวณใต้ตา
อาหาร
   ปลา หมูกินอาหารได้หลากหลาย เช่นอาหารสด อย่างหนอนแดง ไส้เดือนน้ำ ไรทะเล อาหารสำเร็จรูปก็กินได้ นอกจากนั้นยังสามารถให้พวกผักต่าง ๆ เช่น แตงกวา, ผักลวก ดังนั้นการหมุนเวียนเปลี่ยนอาหารไปเรื่อย ๆ ทำให้ปลาได้รับสารอาหารครบถ้วน
เพื่อนร่วมตู้
   ปลาหมูหลายชนิดดุมาก เช่น สกุล Botia หรือ Yasuhikotakia ไม่ควรเลี้ยงรวมกับปลาที่มีขนาดเล็กกว่ามาก ๆ แต่สามารถเลี้ยงร่วมกับปลาที่มีขนาดเท่า ๆ กันได้ เช่น พวกปลาเกล็ดขนาดกลาง อย่างปลาสร้อย ปลาตะเพียน ตะพาบหางไหม้ ปลาซิว ปลานอกพวก เรนโบว์ คราวเต็ทตร้า กลุ่ม Catfish อย่างปลาแขยงเป็นเพื่อนร่วมตู้ที่ดีของปลาหมู
   ปลา หมูขนาดใหญ่ ไม่เหมาะที่จะเลี้ยงในตู้ไม้น้ำ จะทำลายไม้น้ำ ปลาเล็กอย่างหมูอารีย์ อยู่ในตู้ไม้น้ำมีน้ำหมุนเวียนได้ดี นอกจากนั้นแล้วปลาในกลุ่มนี้ยังกินหอยได้ดีอีกด้วย
โรคที่พบ
   คือ โรคจุดขาว อาการเริ่มต้นจะเริ่มคันว่ายแฉลบเอาสีข้างถูกับวัสดุในตู้ ถ้าไม่ทำการรักษาจะเริ่มมีจุดขาว ๆ มีเมือกออกตามตัวและครีบ ปล่อยทิ้งไว้จะลุกลามจนปลาตายได้
การเพาะพันธุ์
   เป็นปลาที่ได้รับ ความนิยม มีการเพาะพันธุ์โดยวิธีผสมเทียม ซึ่งจะช่วยลดภาระให้กับธรรมชาติได้มาก ทำให้ผู้เลี้ยงได้ปลาที่มีสุขภาพดี
   การ เพาะพันธุ์ปลาหมูนั้น ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ซึ่งการเพาะพันธุ์แต่ละครั้งจะต้องมีความพยายามเอาใจใส่ ผลที่ออกมาไม่ดีเท่าที่ควร สิ่งที่สำคัญคือตู้เลี้ยงจะต้องกว้าง ระบบกรองที่ดี มีที่หลบซ่อนเยอะ ใกล้เคียงธรรมชาติ ปลาหมูที่โตเต็มวัยและสุขภาพดี อาหารหลากหลาย ไม่เลี้ยงร่วมกับปลาชนิดอื่นมากเกินไป สักวันอาจได้เห็นลูกปลาหมูว่ายอยู่ในตู้ก็ได้

        
                ปลาหมู                                              ปลาหมูฮ่องเต้                    

         
            ปลาหมูอารีย์                                           ปลาหมูน่าน

        
              ปลาหมูอินโด                           Syncrossus hymenophysa

        

ปลาหมูโยโย่ ปลาหมูปากีฯ Botia almorhae    ปลาหมูจักรพรรดิ์

ปลาอโรวาน่า

AROWANA หรือ "Bonytongue fish" มีชื่อเรียกภาษาไทยว่า ปลาตะพัด หรือ ปลามังกร ปลาชนิดนี้จัดอยู่ในครอบครัวออสทีโอกลอสซิตี้ (Osteoglossidae) ประกอบด้วยปลา 4 สกุล (Genus) และ 7 ชนิด (Species) ซึ่งแต่ละชนิดมีถิ่นกำเนิดแตกต่างกันออกไป ดังนี้
รูปร่าง
มีลักษณะลำตัวยาวแบนข้าง ส่วนท้องแบนมาก เป็นสันคม ความกว้างลำตัวบริเวณส่วนต้นและส่วนท้ายของลำตัว (บริเวณโคนครีบก้น)เกือบเท่ากัน มีความยาวลำตัวเป็น 3.5-4.8 เท่าของความกว้างลำตัว และ 3.5-4 เท่าของความยาวส่วนหัว ปลาที่มีอายุน้อยบริเวณสันหลังจากจงอยปากไปจนถึงบริเวณโคนหางเกือบเป็นเส้น ตรง แต่แม่ปลาอายุมากขึ้นจะโค้งเล็กน้อย เกล็ดบริเวณลำตัวมีขนาดใหญ่ หนา และแข็งแรงจำนวนเกล็ดตามแนวเส้นข้างตัว (lateral line) 21-24 เกล็ด ครีบหลังและครีบก้นอยู่ค่อนไปทางด้านหลัง ครีบหลังสั้นกว่าครีบก้น ครีบก้นมีความยาวเท่าๆกับความยาวของส่วนหัว ครีบหลังมีจำนวนครีบ 20 ก้าน ครีบก้นมี 26-27 ก้าน ครีบอกค่อนข้างยาว ยาวจนถึงโคนครีบท้องวัดความยาวได้ประมาณ 1 ใน 3 ของความยาวลำตัว และมีจำนวน 7 ก้าน ครีบท้องสั้นมีเพียง 5 ก้าน ครีบหางกลมมนไม่ติดกับครีบหลังและครีบก้น ปลาชนิดนี้ปากกว้างมาก เฉียงขึ้นด้านบน มุมปากยาวเลยไปทางด้านล่างของส่วนหัว บนขากรรไกรและเพดานปากมีฟันแหลมคม ขากรรไกรล่างยื่นยาวกว่าขากรรไกรบนเล็กน้อย ที่ปลายขากรรไกรล่างมีหนวดขนาดใหญ่สั้นๆ 1 คู่ ตามีขนาดใหญ่มากกว่าความยาวของจงอยปากเล็กน้อย
ปลาอะโรวาน่าชนิดนี้โตเต็มที่มีความยาวประมาณ 1 เมตร น้ำหนักมากกว่า 7 กิโลกรัม ชอบอาศัยแหล่งน้ำบริเวณภูเขาที่มีน้ำไหลเอื่อยๆ ที่พื้นท้องน้ำเป็นหินปนทรายน้ำค่อนข้างขุ่นและเป็นกรดเล็กน้อย(pH 6-6.5) เป็นปลาที่มีไข่จำนวนน้อย ปลาขนาด 3-6 กิโลกรัม จะมีไข่ประมาณ 40-100 ฟองเท่านั้น เมื่อวางไข่แล้วจะฟักไข่ในปากขนาดไข่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.72 เซนติเมตร สามารถแบ่งตามทวีปที่พบได้ 4 ทวีป ดังนี้
  1. อะโรวาน่าจากทวีปเอเชีย
    ปลาอะโรวาน่าจากทวีปเอเชีย จัดเป็นอะโรวาน่าที่นิยมสูงสุด ในหมู่นักเลี้ยงปลา ในกลุ่มนี้ มีชื่อ วิทยาศาสตร์ว่า Scleropages Formosus รูปร่างของปลา จะค่อนข้างออกไปทาง ป้อมสั้น หากเทียบกับสายพันธุ์ ที่มาจากทวีปอเมริกาใต้ นอกจากนี้ยัง จัดเป็นกลุ่มที่มีราคาแพงที่สุด อันเนื่องมาจาก สีสรร อันสวย เกินบรรยาย สีทองดั่งทองคำเปลว หรือ สีแดงแบบเลือดนก
    1. อะโรวาน่าทองมาเลย์ ( CROSS BACK )
      อะโรวาน่าทองจากมาเลเซีย มีชื่อเรียกหลายแบบ ตามแหล่งที่พบ เช่น ปาหังโกลด์ มาลายัน โบนีทัง (Malayan Bony Tongue), บูกิทมีราสบลู, ไทปิงโกลด์เดน หรืออะโรวาน่าทองมาเลย์ สาเหตุของการมีชื่อเรียกมากมาย อย่างนี้ ก็เพราะว่าอะโรวาน่าชนิดนี้ สามารถพบได้ทั่วไป ในมาเลเซีย ปลาอะโราวาน่าทองมาเลเซีย จัดเป็นปลาอะโรวาน่า ที่มีราคาแพงที่สุดในบรรดาประอะโรวาน่าด้วยกัน ทั้งนี้เนื่องมาจากปลาชนิดนี้ จะให้ลูกน้อย และในธรรมชาติ หาได้ยากเต็มทีแล้ว ทุกวันนี้มีเพาะเลี้ยงกันที่ ในมาเลเซียและสิงคโปร์เท่านั้น อะโรวาน่าทองมาเลเซีย สามารถแบ่งจริงๆ ได้เป็น 3 พวก ใหญ่ๆ คือ
      1. สายพันธุ์ที่ฐานเกล็ดออกสีน้ำเงิน หรือม่วง ( Blue or Purple Based )
      2. สายพันธุ์ที่ฐานเกล็ดออกสีทอง (Gold Based)
      3. สายพันธุ์ที่ฐานเกล็ดออกสีเขียว (Green Based)
        สำหรับปลาประเภท 1 และ 2 บางครั้งจะถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มเดียวกัน เนื่องจาก สีน้ำเงิน หรือ ม่วงที่เราเห็น ขึ้นอยู่กับมุมสะท้อน ที่เราดูปลา เลยทำให้บางครั้งเราเห็น ออกสีม่วง ทั้งที่ความจริงแล้ว ปลามีฐานเกล็ดสีน้ำเงิน สำหรับแบบที่ 3 หรือ แบบที่มีฐานเกล็ดสีทอง แบบนี้ จัดว่าเป็นสุดยอดของปลาอะโรวาน่า ทองมาเลเซีย เนื่องจาก เมื่อปลาโตเต็มที่ ปลาจะมีสรรที่เหลืองอร่าม ดั่งทองคำเคลื่อนที่ ปลาชนิดนี้ ดูเหมือนจะเป็นอะโรวาน่าทองมาเลย์ประเภท แรก ที่สีทองจะอ้อมข้ามหลังได้เร็ว กว่าสายพันธุ์อื่นๆ
      การผสมข้ามสายพันธุ์ ก็ได้ทำให้เกิด สายพันธุ์ใหม่ๆ ของอะโรวาน่าทองมาเลเซีย ขึ้นมา ซึ่งมีชื่อทางการค้าว่า Platinum White Golden และ Royal Golden Blue Arowana เป็นต้น
    2. อะโรวาน่าแดง ( Red Arowana )
      ปลาอะโราวาน่าแดง ที่มีขายกันในบ้านเรา มีที่มาจากหลายแหล่งน้ำ ในทางตะวันตกของกัลลิมันตัน ในประเทศ อินโดนีเซีย บริเวณแนวสันหลังจะมีสีน้ำตาล เกล็ดบริเวณลำตัวที่อยู่ค่อนไปทางด้านหลังมีสีเขียวอมน้ำตาล เกล็ดบริเวณด้านข้างลำตัว มีสีเขียวเหลือบสีแดง หรือแดงอมส้ม บริเวณส่วนท้องและแผ่นปิดเหงือกสีแดงหรือแดงอมส้มครีบอกและครีบท้องสีเขียว แต่บริเวณส่วนปลายครีบจะมีสีแดงหรือแดงอมส้ม ริมฝีปากก็จะมีสีแดงหรือแดงอมส้มเช่นกัน อะโรวาน่า แดง สามารถ แบ่งได้เป็น 4 ประเภทหลักๆ คือ
      • แดงเลือดนก (Blood Red)
      • แดงพริก (Chilli Red )
      • แดงส้ม (Orange Red)
      • แดงอมทอง (Golden Red)
      ในปัจจุบัน อะโรวาน่าแดง ทั้ง 4 สายพันธุ์ ได้ถูกเรียก รวมๆ ทั้งหมด ว่า Super Red เนื่องจาก ปลาอะโรวาน่าแดง ประเภท Orange Red และ Golden Red เวลาโต จะเห็นได้อย่างเด่นชัดว่าสีจะไม่แดงเข้ม เท่า 2 สายพันธุ์แรก จากรูปข้างบน จะเห็นได้อย่างเด่นชัดว่า คุณภาพสีแดงของ Orange Red และ Golden Red จะออกไปทางส้มอม แดง หรือ ทองอม แดง
      ชิลี่เรด และ บัดเรด ทั้งสองตัวนี้ มีแหล่งกำเนิดจาก แม่น้ำ Kapaus และทะเลสาบ Sentarum ซึ่งทะเลสาบ Sentarum นี้จะประกอบไป ด้วยทะเลสาบย่อยๆ ที่สามารถเชื่อมต่อกันได้หมด ทางตอนปลายจะมีทางออกสู่ แม่น้ำ Kapaus ธรรมชาติของแม่น้ำนี้ จะถูกปกคลุม ด้วยต้น Peat ซึ่งทำให้แลดูเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับ การดำรงชีวิตของปลาชนิดนี้มาก สภาพ น้ำในแม่น้ำ Kapuas จะมีสีดำ ของแร่ธาตุ และอาหาร ซึ่งมีผลต่อสีของปลา ทำให้ อะโรวาน่าแดง มีสายพันธุ์ย่อยๆ ลงไปอีก โดยสามารถแบ่งแยกได้ จากความเข้มของสี ที่แตกต่างกัน และ รูปทรงของปลา ซึ่งความแตกต่างดังกล่าวนี้ พ่อค้าปลา ได้ตั้งชื่อเรียกปลาอะโรวาน่า ชุดแรกๆ ที่มีการส่งออก ว่า Chilli Red และ Blood Red โดยที่จะใช้ ความเข้มของสีแดงและ รูปทรงของปลา ในการจำแนก ปลาทั้งสองชนิดออกจากกัน ในปลาที่โตเต็มที่ ชิลี่เรด จะสีแดงคล้ายพริกในขณะที่ บัดเรด จะแดงออกสีเลือด ชีลี่เรด จะมีตาที่ใหญ่สีแดง และหางที่มีรูปร่างคล้ายรูปร่างของเพชร ในขณะที่ บัดเรด จะมีตาที่เล็กกว่า ขาวกว่าและรูปแบบหาง จะกลม เปิดกว้างมากกว่า ตาที่ใหญ่ของชีลี่เรด บางครั้งขอบ ตาบนจะแตะระดับส่วนบนของหัวพอดี
    3. อะโรวาน่าทองอินโดนีเซีย ( Red Tail Golden Arowana )
      จำแนกอยู่ภายใต้กลุ่มอะโรวาน่าทอง เช่น เดียวกับทองมาเลย์ ปลาชนิดนี้ พบใน Pekan Baru ในประเทศอินโดนีเซีย เวลามันโต เต็มที่ มันจะไม่ทองแบบเหลืองอร่ามทั้งตัว ทองอินโด สามารถแบ่งประเภท ตาม สีของเกล็ดได้ 4 ประเภท คือ พวกที่มีฐานเกล็ด สีน้ำเงิน, เขียว และ ทอง อะโรวาน่าทองที่มีขนาดเล็ก จะมีสีที่ด้านกว่าของมาเลย์อย่างเห็นได้ชัด
    4. อะโรวาน่าเขียว Green Arowana
      แหล่งกำเนิดของปลาตัวนี้ พบกระจายอยู่ใน มาเลเซีย พม่า อินโดนีเซีย และ ประเทศไทย ใน แถบจังหวัด จันทบุรี ตราด บริเวณด้านหลังจะมีสีเขียวอมน้ำตาล สีเทา หรือเทาอมเขียว เกล็ดบริเวณด้านข้างลำตัวมีสีเงินหรือเงินเหลือบเขียว ครีบทุกครีบสีน้ำตาลอมเขียว
  2. อะโรวาน่าจากทวีปอเมริกาใต้
    สำหรับ อะโรวาน่าที่มาจากทวีปอเมริกา มีด้วยกัน 3 ชนิด คือ อะโรวาน่าเงิน อะโรวาน่าดำ และ อะราไพม่า ชาวพื้นเมือง จะเรียกปลาอะโรวาน่า ว่า "ลิงน้ำ (Water Monkey)" เนื่องจากลักษณะการ กระโดด ขึ้นกินแมลง ที่เกาะอยู่บนกิ่งไม้ เหนือ ผิวน้ำ
    • อะโรวาน่าเงิน (Silver Arowana)

      มีแหล่งกำเนิดในลุ่มน้ำอะเมซอนในจิอานา(Guiana) อเมริกาใต้ เมื่อโตเต็มที่ยาวถึง 1 เมตร ลำตัวยาวและแบนข้างมาก เรียงไปทางส่วนโคนหาง ส่วนท้องแบนเป็นสัน ลำตัวมีสีเงินอมเทา หรือเหลืองอมเขียว บางตัวเมื่อโตขึ้นจะมีสีขาวเหมือนหิมะ จึงเรียกว่า snow arowana บริเวณลำคอจะมีสีส้มหรือส้มอมแดง เกล็ดตามตัวมีขนาดใหญ่ เกล็ดตามเส้นข้างตัวมี 31-35 เกล็ด บนเกล็ดมีจุดสีแดงและสะท้อนแวววาวเมื่อมีแสงสว่าง ครีบมีสีเหลืองหรือเขียวอ่อน ปากกว้างมากเมื่อยื่นขึ้นไปด้านบน ริมฝีปากล่างยื่นออกไปกว่าริมฝีปากบนเล็กน้อย ปลายริมฝีปากล่างมีหนวดขนาดใหญ่ 2 เส้น หนวดมีสีน้ำเงินหรือฟ้าน้ำทะเล ครีบก้นยาวมากเริ่มจากลำตัวยาวไปจนถึงโคนหางมีก้านครีบ 50-55 ก้าน ส่วนครีบหลังอยู่ตรงกันข้ามกับครีบก้นแต่สั้นกว่าครีบก้นเล็กน้อย จำนวนก้านครีบ 42-46 ก้าน
    • อะโรวาน่าดำ (Black Arowana)
      พบแพร่กระจายบริเวณแม่น้ำริโอนิโกร (Rio Negro) ในบราซิล ลักษณะลำตัวโดยทั่วไปจะคล้ายคลึงกัน กับอะโรวาน่าเงินมากในขณะที่ปลาอายุยังน้อยยังมีเส้นขนาดเล็กคาดอยู่ อะโรวาน่าดำจะมีสีคล้ำกว่าอะโรวาน่าเงินมาก และจะมีแถบสีดำพาดไปตามความยาวลำตัว แต่เมื่อปลามีอายุมากขึ้น สีบริเวณลำตัวจะซีดจางลงจนมีสีใกล้เคียงกับอะโรวาน่าเงิน จุดที่พอจะสังเกตุความแตกต่างได้เมื่อปลาอายุมากขึ้นคือ ครีบหลังและครีบก้น อะโรวาน่าดำจะมีขอบครีบหลังและครีบก้นเป็นสีดำในขณะที่อะโรวาน่าเงินไม่มี
    • อะราไพม่า หรือ ปลาช่อนยักษ์ ( Aarapaima )
      ในธรรมชาติปลาอะราไพม่าจะกิน ปลาตระกูลแคชฟิช บางชนิดเป็นอาหาร ในบางครั้งก็อาจจะกระโดดขึ้นมาเหนือน้ำ เพื่อจับนก ที่บินไปบินมา ปลาพิรารูคู หรือ อะราไพม่า ที่เรารู้จักดี เป็นปลาน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่ ที่สุดในโลก สามารถเติบโต ได้ถึง 10 ฟุต น้ำหนักถึง 400 ปอนด์ จากหลักฐานเท่าที่มีการยืนยัน เมื่อ ร้อยปีที่แล้วมีคนเคยจับได้ขนาดใหญ่สุดถึง 15 ฟุต 4.6 เมตร ปลาช่อนยักษ์จะวางไข่ราวๆ ช่วงเดือนมกราคม ถึง มีนาคม ไข่เป็นพันๆ ฟองจะถูกวางในแอ่งดินใต้น้ำ ที่พ่อแม่ปลา ช่วยกันเตรียมรังเอาไว้ต้อนรับ ลูกน้อย
    ปลาชนิดนี้ มีลิ้นเป็นกระดูกแข็ง Bony Tongue ซึ่งมีฟันชุดที่สองเรียงราย อยู่ ด้วยคุณสมบัติดังนี้ ทำให้ปลาช่อนยักษ์ สามารถกินปลาในตระกูล Catfish ซึ่งเป็นปลาที่มีเกราะหุ้ม อันแข็งของปลาในกลุ่มนี้
  3. อะโรวาน่าจากทวีปอัฟริกา (African Arowana)
    อะโรวาน่าที่พบในอัฟริกามีเพียงชนิดเดียวเท่านั้น อาศัยแพร่กระจายอย่างกว้างขวางจากตอนบนของแม่น้ำไนล์ บริเวณส่วนกว้างอัฟริกาไปจนถึงฝั่งตะวันตก ขนาดใหญ่ที่สุดของปลาชนิดนี้ มีความยาวลำตัวถึง 4 ฟุต ลำตัวค่อนข้างแบนและกว้าง(ลึก) ส่วนหัวค่อนข้างหนาและสั้น ด้านบนโค้งเล็กน้อย ลำตัวด้านหลังและด้นข้างมีสีน้ำเงินอมดำ น้ำตาลอมเทา น้ำตาลอมแดงหรือน้ำตาลอมเขียว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมที่ปลาอาศัยอยู่ ส่วนบริเวณท้องจะมีสีซีดกว่าด้านข้าง อาจจะมีสีครีมหรือน้ำตาลอมเหลือง ส่วนครีบต่างๆจะมีสีคล้ายกับสีของลำตัว จงอยปากสั้นกลม ริมฝีปากหนา ปากมีขนาดเล็กแต่มีฟันเต็มปาก ไม่มีหนวดที่ขากรรไกรล่าง ครีบหลังและครีบท้องอยู่ค่อนไปทางด้านหาง ครีบหางมีขนาดเล็ดรูปร่างกลม ครีบอกและครีบท้องมีขนาดเล็ก ครีบอกอยู่ค่อนไปทางด้านล่างของลำตัว ครีบท้องมีก้านครีบเพียง 6 ก้าน บริเวณหัวไม่มีเกล็ด เกล็ดตามแนวเส้นข้างลำตัว 32-38 เกล็ด
  4. อะโรวาน่าจากทวีปออสเตรเลีย (Saratogos)
    ที่พบในทวีปนี้ มีด้วยกัน 2 ชนิด พบที่ออสเตรเลียเหนือ มีชื่อว่า Nothern Saratogas และที่พบที่ ออสเตรเลียตะวันออก ชื่อว่า Spotted Saratogas
    • อะโรวาน่าออสเตรเลียเหนือ (Nothern Saratoga)
      พบในทางตอนเหนือ ของประเทศออสเตรเลีย และ หมู่เกาะนิวกีนี ในประเทศอินโดนีเชีย ปลาชนิดนี้ เป็นปลาอะโรวาน่า ที่มีรูปร่าง ที่คล้าย อะโรวาน่าจากทวีปเอเชียมากที่สุด
      มีขนาดโตเต็มที่ ประมาณ 90 เซนติเมตร ลักษณะ ที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด ของอะโรวาน่าออสเตรเลีย จากอะโรวาน่าในแถบทวีปเอเชีย คือ จำนวนแถว ของเกล็ด จะมีมากแถวกว่า โดยที่อะโรวาน่าออสเตรเลีย จะมีเกล็ด 7 แถว ในขณะที่ ของอะโรวาน่าจากเอเชีย มี เพียง 5 แถว ส่งผลให้ขนาดของเกล็ดปลาจะมีขนาดเล็กลง ขอบเกล็ดของปลาอะโรวาน่าชนิดนี้ จะออกสีส้ม เหลือบเขียว เป็นรูปเสี้ยวพระจันทร์
    • อะโรวาน่าออสเตรเลียตะวันออก (Spotted Saratoga)
      มีถิ่นกำเนิดในรัฐ ควีนส์แลนด์ ในลุ่มแม่น้ำ Dawson อะโรวาน่า ชนิดนี้ หรือ ที่เรียกกัน สั้นๆ ว่า อะโรวาน่าออสเตรเลียจุด มีขนาดความยาวสูงถึง 90 ซม. ลักษณะลำตัวยาวเรียว บริเวณสันหลังตรง ลำตัวบริเวณด้านหลังและด้านข้างลำตัวเป็นสีน้ำตาล หรือน้ำตาลอมเขียว หรือเหลืองอมเขียว บริเวณส่วนท้องสีจางกว่าลำตัว เกล็ดมีขนาดใหญ่ มีเกล็ดตามเส้นข้างตัว 35 เกล็ด มีจุดสีส้มอมแดงและสะท้อนแสงบนเกล็ดแต่ละเกล็ดจำนวน 1-2 จุด ครีบหลังและครีบก้นสีเหลืองอ่อน ขอบครีบทั้งสองเข้มจนเกือบดำ ครีบก้นยาวกว่าครีบหลังเล็กน้อยมีก้านครีบ 31 ก้าน ครีบหลังมีก้านครีบ 20 ก้าน

การเลือกซื้อปลาทอง

การเริ่มต้นเลี้ยงปลาทองเป็น อีกประการหนึ่งซึ่งเป็นหัวใจหลักของการเลี้ยงปลาทอง คือ การเลือกซื้อปลาทองให้ได้ตามลักษณะสายพันธุ์ที่คุณจะเลี้ยง ถ้าหากคุณสามารถเลือกซื้อปลาทองได้ดีแล้ว คุณก็คือผู้หนึ่งที่ประสบความสำเร็จในการเลี้ยงปลาทองไปแล้วไม่มากก็น้อย เมื่อคุณตัดสินใจแล้วว่าจะเลี้ยงปลาทองคุณควรศึกษาหาความรู้ในด้านการดูลัษ ณะของปลาทองตามชนิดหรือสายพันธุ์ที่คุณจะเลี้ยง คุณควรมีหลักในการเลือกซื้อไว้บ้าง มิฉะนั้นคุณอาจจะต้องเสียใจ การซื้อปลาทองตั้งแต่เล็ก ๆ โดยไม่ใส่ใจสิ่งใดเลย เมื่อปลาโตขึ้นคุณอาจต้องพบกับความผิดหวังเพราะปลาที่เลี้ยงไว้นั้นไม่สวย หรือมีลักษณะที่พิการ บางทีอาจหมดกำลังใจเลิกเลี้ยงไปเลยก็เป็นได้ แต่ตรงกันข้ามถ้าหากคุณเลือกซื้อปลาทองไห้ได้ตรงตามลักษณะตามสายพันธุ์แล้ว นั้นโอกาสที่คุณจะได้ปลาทองที่ดีและมีคุณภาพนั้นก็มีมากขึ้น คุณอาจจะผสมพันธุ์ปลาทองนั้นขายเป็นผลพลอยได้อีก
              
     การเลือกซื้อปลาทองไว้ดูเล่นถ้าไม่จำเป็นอะไรมากนักคุณควรมีหลักง่าย ๆ ในการเลือกซื้อปลาทอง คือ ข้อแรก คุณควรเลือกซื้อปลาทองจากร้านค้าปลาทองหรือฟาร์มปลาทองที่มีความน่าเชื่อถือ และคุณควรมีความสามารถที่จะดูลักษณะปลาทองตามสายพันธุ์ที่คุณจะเลี้ยงไว้ บ้างพอสมควรหรือจะหาผู้ที่มีความสามารถที่จะดูลักษณะปลาไปเป็นเพื่อนเลือก ซื้อปลาทอง ข้อสำคัญควรสอบถามราคาปลาทองแต่ละชนิดไว้เป็นข้อเปรียบเทียบความแตกต่างกัน ด้วย ข้อสอง คุณควรเลือกซื้อปลาทองที่แข็งแรงปราศจากโรค หรือปลาทองที่ได้รับความกระทบกระเทือนจากการขนส่ง โดยสังเกตุการว่ายน้ำของปลาจะต้องว่ายน้ำตลอดเวลาไม่อยู่นิ่ง ๆ และการว่ายน้ำนั้นต้องไม่ผิดปกติ เช่นว่ายหมุนควงตีลังกา หรือว่ายสั่นกระตุก หรือว่ายเร็วผิดปกติเอาลำตัวเสียดสีกับตู้ไปมา คุณควรเลือกซื้อปลาที่มีความกระตือรือล้น มีการเคลื่อนไหวไปมาปกติ การทรงตัวของปลามีการใช้ครีบทรงตัวปกติ และการว่ายน้ำใช้ครีบทุกครีบในการว่าย คุณอาจใช้วิธีทำให้ปลาตกใจโดยการใช้กระชอนไล่จับปลาช้า ๆ สลับกับเร็ว ๆ (หันดูเจ้าของร้านด้วยนะ) สังเกตุการเคลื่อนไหวในการหนีของปลา ปลาทองที่ดีจะต้องหนีได้รวดเร็วและการหนีนั้นเป็นไปอย่างนุ่มนวล ห้ามซื้อปลาที่ว่ายหนีไปทางนี้ทีทางโน้นทีอย่างทุรนทุรายพุ่งขึ้นพุ่งลง ปลาทองที่ว่ายน้ำหัวทิ่มว่ายดิ่งลงก้นตู้ไม่ว่ายขนานกับตู้ หรือว่ายน้ำไม่ใช้ครีบทุกครีบในการว่ายเป็นอีกข้อห้ามในการเลือกซื้อปลาทอง ด้วย ถึงแม้ปลาจะสวยบาดใจคุณขนาดใหนก็ตาม ข้อสาม หลีกเลี่ยงการซื้อปลาที่มีลักษณะผอมแห้งหรืออ้วนผิดรูปทรง ครีบไม่ครบ ครีบที่เป็นคู่นั้นสั้นข้างยาวข้างเล็กบ้างใหญ่บ้าง แม้ว่าเจ้าของร้านจะบอกอย่างเข้มแข็งว่าผอมอย่างนี้เป็นปลาตัวผู้ที่อ้วน ๆ ปลาตัวเมีย หรือว่าเลี้ยงไว้จำนวนมากอาหารไม่ทั่วถึงเลยผอม ปลาที่มีลักษณะผอมมักมีโรคซ่อนอยู่มักเลี้ยงไม่โตและอ่อนแอ ปลาที่อ้วนอาจเป็นปลาท้องอืดมีลมในกระเพาะเป็นสาเหตุให้ทรงตัวไม่ดีในอนาคต อีกอย่างที่ควรคำนึงถึงเมื่อคุณเดินเข้าร้านขายปลาควรใช้ความสังเกตุมองดู ให้ทั่ว ๆ เหลือบมองลงในถังขยะบ้างก็ดีว่ามีปลาตายบ้างหรือไม่ ตามตู้ปลามีปลาตายอยู่หรือไม่ ถ้าเห็นเช่นนั้นแล้วพึงควรหลีกเลี่ยงไว้ด้วย ปลาทองที่ดีและไม่เป็นโรคนั้นสังเกตุได้จากความสดใสบนตัวปลาจะต้องไม่มีรอย ขีดขูดใด ๆ เกล็ดต้องมีความแวววาวและเป็นระเบียบ ครีบทุกครีบต้องไม่ขาดวิ่นหรือเปื่อย หรือมีจุดตกเลือดตามลำตัวครีบและหางอีกทั้งไม่มีสิ่งแปลกปลอมเกาะติดตามตัว หรือมีจุดใด ๆ ปูดโปนออกมา ดวงตาสดใสไม่ขุ่นมัว มีสีสันสดใส ในกรณีที่มีปลาในตู้ใดมีสิ่งผิดปกติตามที่กล่าวมาควรเปลี่ยนไม่เลือกซื้อปลา ในตู้นั้น เพื่อป้องกันการซื้อปลาทองที่เป็นโรคหรือนำโรคปลาทองกับไปแพร่ยังปลาที่บ้าน
              
              
     ข้อเสนอแนะในการเลือกซื้อปลาทอง การ เลือกซื้อปลาทองไม่ใช่เรื่องยากและก็ไม่ใช่เรื่องง่าย คุณควรคำนึงถึงลักษณะรูปทรงตามสายพันธุ์ต่าง ๆ ของปลาทอง เลือกซื้อปลาทองจากร้านที่ได้มาตราฐาน ภายในร้านมีการดูแลเอาใจใส่ปลาเป็นอย่างดี ข้อสำคัญต้องสังเกตุว่าปลาจะต้องไม่เป็นโรค ถ้าเกิดเจอปลาในตู้ใดที่เลือกอยู่มีปลาที่มีลักษณะส่อถึงการเกิดโรคแล้วไม่ ควรซื้อปลาในตู้นั้นโดยเด็ดขาด แม้ว่าจะมีปลาที่ได้เลือกในตู้นั้นแล้วสมบูรณ์และสวยงามมากก็ตาม ควรเปลี่ยนตู้ใหม่หรือเปลี่ยนร้านไปเลยก็ได้ ควรเปรียบเทียบราคาปลาทองแต่ละร้านไม่ควรรีบร้อนตัดสินใจ ทั้งด้านราคาหรือคุณภาพ แต่ถ้าหากเจอปลาที่ดีแล้วหละก็ไม่ควรรีรอ เพราะอาจถูกแย่งไปต่อหน้าต่อตา โดยเฉพาะห้ามพาเพื่อนที่มีความต้องการปลาทองเหมือนคุณไปเลือกซื้อปลาทองด้วย กัน เพราะอาจถูกแย่งได้ สิ่งที่สมควรพาไปด้วยมากที่สุดคือผู้ที่มีความรู้เรื่องปลาทองในด้านการดู ลักษณะและสามารถให้ความรู้กับคุณได้หรือมีประสบการณ์ด้านการเลี้ยงปลาทอง ถ้าหากคุณยังไม่มีประสบการณ์มากนักและไม่มีผู้ให้คำปรึกษา ขอแนะนำให้ซื้อปลาทองที่มีราคาไม่แพงนัก ราคาถูก มีลักษณะดี หรือปลาทองขนาดเล็กที่มีราคาไม่แพงมาฝึกเลี้ยงก่อนก็จะดี ข้อจำเป็นอีกประการก่อนซื้อปลาทองไปเลี้ยงควรเตรียมอุปกรณ์และภาชนะที่จะใช้ เลี้ยงรวมถึงน้ำที่จะใช้ให้พร้อมก่อนไปซื้อปลา อีกทั้งขนาดของภาชนะที่จะเลี้ยงกับขนาดและจำนวนของปลาทองด้วย อย่าหลงเชื่อว่าปลาทองที่มีราคาแพงจะต้องเป็นปลาที่ดีเสมอไป หรือปลาทองที่มาจากต่างประเทศจะเป็นปลาที่ถูกต้องตามลักษณะและเป็นปลาทองที่ ดี ปลาทองที่มีราคาถูกกว่าหรือปลาทองที่เพาะเลี้ยงในประเทศก็เป็นปลาทองที่ดี ได้เช่นกัน จากข้อแนะนำที่กล่าวมาแล้วนี้ คงมีประโยชน์ในการที่จะช่วยคุณเลือกซื้อปลาทองที่ดีและมีคุณภาพได้บ้างนะ ครับ